Tertiary
เป็นการรวมกันของ โครงสร้างขั้นที่2ของโครงสร้างโปรตีน เรียกว่าเกิดการ "Fold"หรือ "Domain"
ซึ่งสามารถทำนายโครงสร้างได้
แรงที่ทำให้เกิดการคงรูปของโครงสร้างเกิดจาก Hydrogen bonds
การเกิดโครงสร้างนี้เกิดจากการที่มี amino acid ที่ชอบน้ำ (hydrophilic) และไม่ชอบน้ำ(hydrophobic)
มาอยู่รวมกันโดยการเอากลุ่มที่ไม่ชอบน้ำไว้ด้านในและน้ำกลุ่มที่ชอบน้ำออกมาด้านนอกเพื่อให้มีคุณสมบัติละลายน้ำได้
ซึ่งจะไม่สามารถใช้ได้ในโปรตีนสายสั้นๆ(<>
ในกรณีนี้จะใช้การเกิด disulfide bridges และ การทำปฏิกิริยากับโลหะแทน
Level of protein structure : 4
Quaternary
เกิดจากการรวมกันของสายโปรตีนทั้งแบบ homomeric และ heteromeric
มักพบในโปรตีนที่มีหน้าที่เช่น เอนไซม์ และไม่สามรถทำนายโครงสร้างล่วงหน้าได้
Structural class
สามารถแบ่งโครงสร้างของโปรตีนได้เป็น 4 รูปแบบคือ
1.All alpha (helical)
ประกอบด้วยส่วนของ alpha-helix ทั้งหมด
2.All-beta (sheet)
ประกอบด้วยส่วนของ beta-sheet ทั้งหมด
3.Alpha-beta (parallel beta-sheet)
มีทั้ง สายalpha และbeta-sheet ไปในทางเดียวกัน
4.Alpha+beta ( antiparallel beta-sheet)
สาย alpha และbeta สวนทางกัน
Domain
คือหน่วยย่อยที่ประกอบขึ้นเป็นโครงสร้างโปรตีนที่เกียวข้องกับการทำหน้าที่ของโปรตีนนั้นๆ
ซึ่งสามารถเปรียบได้กับ Lego piece แต่ละชิ้นที่ใช้ประกอบใน Lego set
มักจะมีเพียง1-2 สายของโปรตีน
Protein architectures
รูปร่างหรือการเชื่อมกันของแต่ละDomain สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ
1.Bead-on-a-string : sequential location
ลักษณะเหมือนลูกปัดร้อยอยู่บนเส้นเอนต่อกัน พบใน immunoglobulin,EGF,
fibronectin type-3,protein kinase,LDH
2.Domain insertions:"plugged-in"
เกิดจากการที่ domainที่1 ถูกแทรกด้วย domainที่2 ทำให้เกิดเป็น domain 3 ส่วน
ตัวอย่างเช่น
L-lactate dehydrogenase (LDH)
มี 2 Domain คือ
1.Rossman-fold เป็ที่จับของ cofactor
2.substrate-binding ซึ่งเป็นที่จับของ substrate,cofactor,inhibitor
เมื่อเปรียบเทียบเอนไซม์ 2 ชนิดคือ LDH และ MDH จะพบว่า
มี หน้าที่และคุณสมบัติทางเคมีเหมือนกัน และมี identity 18%
แต่จะพบว่ามีการจับกับสารตั้งต้นต่างกัน ซึ่งเมื่อดูจากโครงสร้างจะพบว่ามีส่วนที่เรียกว่า
Mobile loop จะเคลื่อนที่เมื่อมีการจับกันของทั้ง substrate,cofactor,inhibitor
เราสามารถพบส่วนนี้ได้จากการทดลองโดยการ เปลี่ยนแปลงการใส่substrate,cofactor,inhibitor
จะพบว่ามีโครงสร้างโปรตีนที่เหมือนกันในแต่ละชนิดของโปรตีนเช่น hemoglobin และ erythrocrurin
มี sequence identity 31% และมี function,structure similarity เราเรียกรูปแบบนี้ว่า
Homologous folds
ส่วนโปรตีนที่มี structure similarity แต่มี sequence identity และ function ต่างกันเช่น
hemoglobin และ phycocyanin ที่มี sequence identity 9% เราเรียกว่า
Analogous folds
สรุป
เมื่เปรียบเทียบโครงสร้างของโปรตีนจะพบว่า
1.มีรูปแบบของโครงสร้างแบบเรขาคณิตเช่น helix,beta-sheeet
2.ในรูปแบบของ homologous sequences มีความคล้ายกันของโครงสร้าง
แต่จะมีความแกตต่างออกไปในส่วนของ non-conserved regions ซึ่งพบจากการเปรียบเทียบระหว่าง
structure aliment กับ sequence aliment
3.ในรูปแบบของ analogous จะพบว่าในโครงสร้างใดๆสามารถมี sequence ได้หลายรูปแบบ
4.จากการศึกษาเรื่อง mutation จะพบว่ามีส่วนของ active site ที่มีลักษณะคงเดิม( conserve)
แม้ว่าจะมีโครงสร้างอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป
5.จากการศึกษาโครงสร้างของโปรตีนทำให้เราพบ structural models ที่ใช้ในการหาโปรตีนใหม่ๆ
ได้โดยการเปลี่ยนแปลงลำดับเบสแต่ไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่างเดิม
6.สามารถนำไปใช้ในการศึกษาอื่นๆ เช่น
- protein engineering
- ligand/drug design
- function assignment for genomic data
No comments:
Post a Comment